BIGBIKE

รวบรวมรีวิวบิ๊กไบท์และอื่นที่เกี่ยวข้อง ปล.รถมือสองที่ลงขาย ทางเราไม่ได้มีส่วนได้เสียกับคนขายนะครับ เห็นรถ สวย เลยลงให้เผื่อมีคนสนใจ มีเบอร์ให้ติดต่อแล้วครับ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Bigbike Support

หน้าเว็บ

  • หน้าแรก
  • Hyper Motard 796 2012 240,000 บาท
  • บิ๊กไบค์ มือสอง R1 ค่า~ สดได้ผ่อนใด้
  • บิ๊กไบค์มือสอง CB650f 243,000 รายละเอียดครบ
  • บิ๊กไบค์ มือสอง Ninja650 สดได้ผ่อนก็ได้
  • ขาย YAMAHA SUPER TENERE 1200 CC. ปี 2015 ใหม่มากๆ ...
  • ขายดาวน์ CBR300R 45,000 สภาพใหม่

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

10 อันดับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในฝันคนไทย

10 อันดับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในฝันคนไทย จะมีรุ่นไหนบ้างไปชมกันเลย

          
ในปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น ทั้งราคาไม่แพง ไปจนถึงราคาแพงมากทำให้ผู้บริโภคอย่างเรามีตัวเลือกมากมาย แต่เชื่อได้เลยว่าทุกคนย่อมมีมอเตอร์ไซค์ในฝันอย่างแน่นอนและวันนี้ BoxzaRacing.com จะพาไปดู 10 อันดับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในฝันคนไทย จะมีรุ่นไหนบ้างไปชมกันเลย
อันดับ 10 Suzuki GSX-R 1000 ราคา 799,000 บาท

อันดับ 9 Ducati Monster 1100 EVO ราคา 859,000 บาท

อันดับ 8 Kawasaki Ninja ZX-14R ราคา 895,000 บาท

อันดับ 7 Yamaha YZF-R1 ราคา 799,000 บาท

อันดับ 6 Honda VFR 1200F ราคา 810,000 บาท

อันดับ 5 KTM 1190 RC8 R ราคา 1,299,900 บาท

อันดับ 4 Suzuki GSX1300R Hayabusa ราคา 850,000 บาท

อันดับ 3 BMW HP 4 ราคา 1,208,000 บาท

อันดับ 2 Triumph Daytona 675 R ราคา 920,000 บาท

อันดับ 1 Ducati 1199 Panigale R
Credit : http://bigbike.boxzaracing.com/news/4644
เขียนโดย ZB ที่ 04:43 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest

10 รถมอเตอร์ไซค์ ที่แพงที่สุดในโลก

10 รถมอเตอร์ไซค์ ที่แพงที่สุดในโลก


          ทุกวันนี้ มอเตอร์ไซค์หรือรถจักรยานยนต์เป็นสิ่งที่คนไทยกำลังให้ความสนใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะสามารถไปไหนมาไหนในกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกแล้ว ยังสามารถหลีกเลี่ยงปัญหารถติดที่กรุงเทพมหานครนั้นติด 1 ใน 10 เมืองที่รถติดมากที่สุดในโลก รวมไปถึงกระแสรถบิ๊กไบค์ (ฺBig Bike) ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง วันนี้ BoxzaRacing.com จะพาทุกท่านไปชม 10 อันดับ มอเตอร์ไซค์ที่แพงที่สุดในโลก ซึ่งจะมีรถจากค่ายใดบ้างนั้น เราไปชมกันเลยครับ

อันดับที่ 10 Icon Sheene
$172,000 (ประมาณ 5,676,000 บาท)

Icon Sheene
 
          Icon Sheene เป็นมอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษ ที่รูปทรงดูสวยงามแต่แฝงความดุดันไว้พอตัวเลยทีเดียว

อันดับที่ 9 MTT Turbine Streetfighter with Rolls Royce Turbine Engine
 $175,000 (ประมาณ 5,775,000 บาท)

Y2K
 
          หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม Y2K โดยรถคันนี้สามารถทำความเร็วสุงสุดอยู่ที่ 249 ไมล์/ชม. (398 กม./ชม.) ซึ่งรถคันนี้ใช้ล้อคาร์บอนไฟเบอร์ขนาด 17 นิ้ว เกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด และระบบเบรคของ Brembo


อันดับที่ 8 Suzuki AEM Carbon Fiber Hayabusa
$160,000 - 200,000 (ประมาณ 5,280,000 - 6,600,000 บาท)

Suzuki AEM Carbon Fiber Hayabusa
 
          Hayabusa คันนี้ ทำมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน ซึ่งทำให้มีน้ำหนักที่เบามาก และสามารถทำความเร็วสูงสุดไว้ที่ 186 ไมล์/ชม. (298 กม./ชม.)

อันดับที่ 7 Ducati Testa Stretta NCR Macchia Nera Concept
$225,000 (ประมาณ 7,425,000 บาท)

Ducati Testa Stretta NCR Macchia Nera Concept
 
          เจ้าดูคาติคันนี้มีหน้าตาที่ดึงดูดต่อบรรดาเหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายอย่างมาก โดยเฉพาะดวงตาหรือไฟหน้าที่เมื่อมองได้เห็นแล้ว คุณจะหลงรักมันอย่างแน่นอน

อันดับที่ 6 Ducati Desmosedici D16RR NCR M16
$232,000 (ประมาณ 7,672,500 บาท)

Ducati Desmosedici D16RR NCR M16
 
          มอเตอร์ไซค์ที่ดูลงตัวที่สุดไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ล้อ สวิงอาร์ม ถังน้ำมัน และตัวรถที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และไททาเนียมเกรดพิเศษซึ่งทำให้มันเบากว่าปกติถึง 319 ปอนด์เลยทีเดียว

อันดับที่ 5 Ecosse Titanium Series FE Ti XX
$300,000 (ประมาณ 9,900,000 บาท)

Ecosse Titanium Series FE Ti XX
 
          เจ้า Ecosse คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.4i ที่มาสารถรีดแรงม้าออกมาได้ถึง 225 แรงม้าเลยทีเดียว

อันดับที่ 4 Yamaha Roadstar BMS Chopper
$500,000 (ประมาณ 16,500,000 บาท)

Yamaha Roadstar BMS Chopper
 
          มอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Nehmesis ซึ่งเอกลักษณ์ของมันก็คือชิ้นส่วนของมอเตอร์ไซค์ที่เป็นสีทองนั่นเอง
 
 
อันดับที่ 3 Dodge Tomahawk V10 Superbike
$555,000 (ประมาณ 18,315,000 บาท)

Dodge Tomahawk V10 Superbike
 
          มอเตอร์ไซค์คันนี้มีขุมพลังขนาด V10 8.3 ลิตร ที่ยกมาจากเครื่อง Dodge Viper ซึ่งสามารถทำแรงม้าได้ถึง 500 แรงม้า สามารถทำความเร้วได้สุงสุด 420 ไมล์/ชม. (672 กม./ชม.) และเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 2.6 วินาที

อันดับที่ 2 Harley Davidson Cosmic Starship
$1 Million (ประมาณ 33,000,000 บาท)

Harley Davidson Cosmic Starship
 
          ขวัญใจของชาวอเมริกันกับ Haley Davidson ที่สามารถนำรถนั้นไปตกแต่งให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ซึ่งรถคันนี้เป็นผลงานของ Jack Armstrong ศิลปินชื่อดัง และนำออกขายในราคา 1 ล้านเหรีญสหรัฐ

อันดับที่ 1 Ecosse ES1 Superbike
$3.6 million (ประมาณ 118,800,000 บาท)

Ecosse ES1 Superbike
 
          รถมอเตอร์ไซค์คันนี้ ได้ถูกออกแบบโดยวิศกร F1 ของอังกฤษ ซึ่งทำให้รถคันนี้นั้นเป็นรถที่ทำความเร็วได้ดี เบาที่สุด และขับขี่ได้ดีที่สุด และแพงที่สุดครับ
 
          เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 10 อันดับ มอเตอร์ไซค์ที่แพงที่สุดในโลกที่ BoxzaRacing นำมาฝากในวันนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการันตีว่ารถที่แพงที่สุดต้องดีที่สุดเสมอไปนะครับ บางทีรถที่ทุกท่านขี่ไปทำงาน ขี่ไปไหนมาไหนทุกวัน ถ้าเราดูแลรักษามันดีดี มันก็อาจจะเป็นรถที่ดีที่สุดสำหรับทุกท่านก็เป็นได้
Credit : http://bigbike.boxzaracing.com/news/3395
เขียนโดย ZB ที่ 04:32 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest

ร๊วิว Suzuki Hayabusa GSX1300R ABS ซูซูกิ ฮายาบูสะ

ใหม่ ราคา Suzuki Hayabusa GSX1300R ABS ซูซูกิ ฮายาบูสะ ราคา แนะนำรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตบิ๊กไบค์
SUZUKI HAYABUSA ซูซูกิ ฮายาบูสะ เป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต ราคาโดนๆที่ 850,000  บาท ออกแบบได้อย่างมีความโดดเด่นด้านสรีระที่มีความสวยงามลงตัว ด้วยไฟหน้าและไฟท้าย LED มั่นใจในความสว่างปลอดภัยได้ ติดตั้งชุดจานเบรกจาก Brembo ด้วยคุณภาพระดับโลก มีระบบเบรก ABS ระบบกันสะเทือนจาก KYB
capture-20160518-145449
SUZUKI HAYABUSA ซูซูกิ ฮายาบูสะ เครื่องยนต์ 1,340 ซีซี 6 เกียร์ เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำเครื่องยนต์จึงมีความทนทาน นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพและยังช่่วยลดมลพิษอีกด้วย
SUZUKI HAYABUSA ซูซูกิ ฮายาบูสะ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด พร้อมติดตั้ง SDTV มีวาล์วลิ้นปีกผีเสื้อสองจุด
SUZUKI HAYABUSA ซูซูกิ ฮายาบูสะ มีให้เลือกสองสีคือ สีแดงและสีดำ
capture-20160518-145517
SUZUKI HAYABUSA ซูซูกิ ฮายาบูสะ สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีการติดตั้งโหมดการขับขี่ไว้สามโหมดคือ
โหมด A เน้นแรงบิดสไตล์ Racing
โหมด B เน้นการขับขี่สไตล์สปอร์ต
โหมด C เน้นการขับขี่แบบทั่วไป
ข้อมูลจำเพาะของ Suzuki Hayabusa GSX1300R ABS
เครื่องยนต์ : 1340 ซีซี DOHC 4 สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ระบบจ่ายน้ำมัน Suzuki Fuel Injection
เกียร์ : 6 สปีด constant mesh
ระบบจุดระเบิด : จุดระเบิดไฟฟ้า
ระบบกันสะเทือนล้อหน้า : โช้คอัพแบบสปริงกลับหัว
ระบบกันสะเทือนล้อหลัง : โช้คอัพแบบสปริง
ระบบเบรกล้อหน้า : Brembo จานเบรกคู่ พร้อม ABS
ระบบเบรกล้อหลัง : จานเบรกเดี่ยว พร้อม ABS
ยางล้อหน้า : 120/70ZR17M/C (58W), tubeless
ยางล้อหลัง : 190/50ZR17M/C (73W), tubeless
ความจุถังน้ำมัน : 21.0 ลิตร
ความยาวรถ : 2190 มิลลิเมตร
ความกว้างรถ : 735 มิลลิเมตร
ฐานล้อ : 1480 มิลลิเมตร


         ค่ายซูซูกิ เปิดตัว บิ๊กไบค์ Suzuki GSX1300R Hayabusa เวอร์ชั่นปี 2014 มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ DOCH 4 จังหวะ 4 สูบ ขนาด 1340 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ตอบสนองแรงบิดอันทรงพลัง ด้วยระบบเครื่องยนต์ถูกควบคุมด้วยกล่องสมองกลอัจฉริยะ มีหน่วยความจำขนาด 32 bit 1024 kb ไมโครโปรเซสเซอร์


        ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดพร้อมติดตั้ง Suzuki Dual Throttle Valve (SDTV) มีวาล์วลิ้นปีกผีเสื้อ 2 ชุด ในแต่ละชุดเรือนลิ้นเร่ง วาล์วชุดแรกควบคุมโดยคันเร่ง ส่วนชุดที่สอง ควมคุมด้วยกล่องสมองกลอัจฉริยะ เพื่อให้อากาศไหลผ่านได้เต็มประสิทธิภาพ เผาไหม้สมบูรณ์ แรงบิดดี พร้อมช่องดักอากาศที่ออกแบบให้อากาศไหลเข้าหม้อกรองอากาศได้เต็มประสิทธิภาพ, กระบอกสูบแบบอะลูมิเนียมผ่านกระบวนการเคลือบสาร Suzuki Composite Electrochemical Material (SCEM) ได้รับการยอมรับจากสนามแข่ง ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์และระบายความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เครื่องยนต์ทนทาน



  นอกจากนั้น ยังได้เลือกใช้วาล์วไอดีและไอเสียที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่า ทนทานสามารถควบคุมการเปิดปิดวาล์วไอดีและไอเสียได้อย่างแม่นยำ ตอบสนองได้ดีในทุกอัตราเร่ง

เครื่องยนต์ SUZUKI GSX1300R HAYABUSA
    New Suzuki GSX1300R Hayabusa ยังได้ติดตั้งระบบ Idle Speed Control (ISC) System ควบคุมการทำงานของรอบเดินเบา เป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมเครื่องยนต์ด้วยกล่องสมองกลอัจฉริยะ ทำหน้าที่ควบคุมจำนวนปริมาตรอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ชุดเรือนลิ้นเร่งตามความเหมาะสมของอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ทำให้สตาร์ตติดง่ายแม้อุณหภูมิเครื่องเย็นและรอบเครื่องยนต์เดินนิ่งเรียบในทุกสภาพอากาศ 


   ระบบเกียร์ 6 สปีด พร้อม Oil Spray ช่วยลดการสึกหรอและเสียงของชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์ขณะการขับขี่ในย่านความเร็วสูง

    ระบบเบรกหน้าแบบTwin Disc คาลิเปอร์ Brembo 4 พอร์ต พร้อมระบบเบรก ABS มี 3 โหมดขับขี่ทั้งแบบเรซซิ่ง, สปอร์ตทัวร์ริ่ง และการขับขี่แบบทั่วไป ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ Suzuki Drive Mode Selector (S-DMS) System จะมีการควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบจุดระเบิดเพื่อให้เหมาะตามสไตล์ของผู้ขับขี่

   แผงหน้าปัดพร้อมมาตรวัดรอบเครื่องยนต์,มาตรวัดความเร็ว, นาฬิกา, มาตรแสดงตำแหน่งเกียร์แบบ LCD และสัญญาณไฟเตือนรอบความเร็วเครื่องยนต์ โครงสร้างตัวถังแบบทวิน-สปา อะลูมิเนียมอัลลอย หนักเบาแต่แข็งแรงและทนทาน

    มีให้เลือก 3 สี โฉบเฉี่ยวกับสีน้ำเงิน-ขาว, เข้มดุดันด้วยสีเทา-ดำ หรือร้อนแรงไปกับสีแดง-ขาว
และเครื่องยนต์มี top speed อยู่ที่ 220-320 กม/ชม.

วิดีโอ TOP SPEED 

Credit : http://www.automotor789.com/suzuki-hayabusa-gsx1300r-abs-%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2-%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%B4-%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%B0-2545/ , http://supakit2582538.blogspot.com/
เขียนโดย ZB ที่ 04:26 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest

รีวิว YAMAHA YZF-R1S

ชัดเจน ! YAMAHA YZF-R1S พร้อมเผยข้อแตกต่างกับ R1/R1M

โดย ทองม้วน @68Apex / October 7, 2015 02:32 / 11,803 views
SHARE
16spbk_r1s_wh-bk-rd_a2_0270
หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และกับยอดขายของ 2015 YZF-R1 ที่จัดได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก กับ YZF-R1 อันเป็นรถคันนึงที่มีส่วนผสมอย่างลงตัวของรถที่พร้อมจะทะยานออกตัวจากกริดสตาร์ท ออกมาโลดแล่นทั้งในสนาม และท้องถนน พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่สืบทอดลงมาจากการแข่งขัน MotoGP
ทำให้ YZF-R1 ปี 2015 มากับราคาที่ปรับตัวไปจากโฉมปีก่อนหน้าพอสมควร กระนั้นเลย จึงเป็นที่มาของ YZF-R1S ที่จะเข้ามาทำตลาดในปี 2016 ที่มีการปรับลดราคาลงประมาณ 2,000 USD (จาก 16,990 USD > 14,990 USD)
โดยยังคงคุณสมบัติหลักๆของ YZF-R1 ไว้เช่นเดิมไม่ว่าจะเป็น
  • ระบบอิเล็คทรอนิคส์จาก YZF-R1 มายัง YZF-R1S
  • Traction control ที่สามารถเลือกระดับความละเอียดในการทำงานได้
  • ABS ตัวเดียวกัน
  • คันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-wire) พร้อม mode ในการขับขี่ที่ปรับตั้งได้อย่างละเอียด
  • ระบบควบคุมการออกตัวจากกริดสตาร์ท
  • ระบบควบคุมการสไลด์ของล้อหลังขณะเข้าโค้ง
  • ในส่วนของระบบกันสะเทือน YZF-R1S มาพร้อมกับ KYB ตัวรองลงมาจาก YZF-R1
1462201390311356563
แล้วอะไรกันที่ทำให้ราคาลดลง ? Yamaha ได้มีการปรับลดวัสดุประเภท ไทเทเนียมต่างๆ ซึ่งมีราคาแพง และเมื่อเทียบกับ YZF-R1/R1M จะสรุปได้ดังนี้
  • ก้านสูบ และวาล์ว จากไทเทเนียมเป็นเหล็ก
  • ท่อไอเสีย จากไทเทเนียมเป็นสเตนเลส
  • อ่างน้ำมันเครื่อง จากแม็กนีเซียมเป็นอลูมิเนียม
  • ฝาครอบเครื่อง จากแม๊กนีเซียมเป็นเหล็ก พร้อมน็อตเหล็ก แทนที่น็อตอลูมิเนียม
  • ควิกชิฟเตอร์ จากอุปกรณ์มาตรฐาน ตัดเป็นออฟชั่นเสริมแทน
  • ระบบกันสะเทือนจาก Ohlins ปรับไฟฟ้า ใน R1M,  KYB ที่ปรับตั้งได้ละเอียดใน R1 ลงมาเป็น KYB ตัวรองแทน
  • ล้อจากแม็กนีเซียม เป็น อลูมิเนี่ยม
  • ยางจาก Battlax มาเป็น Hypersport แทน
ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้น้ำหนักรวมของ YZF-R1S เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 กิโลกรัมเลยทีเดียว ในส่วนของกำลัง แรงม้า และแรงบิดที่ได้นั้น ยังคงมาสุดกันได้ถึง 12,000 rpm อย่างไม่เปลี่ยนแปลง แต่จากการที่น้ำหนักของชิ้นส่วนภายในหลายๆชิ้นเพิ่มขึ้นทำให้มีการลิมิตย่าน redline ของ YZF-R1S ไว้ที่ 12,500 rpm จาก 14,000 rpm ของ YZF-R1 / R1M
ในส่วนของชุดสีที่วางขายในปี 2016 จะประกอบไปด้วยสี Matte gray (เทาด้าน), และ White/Raven/Rapid Red (ขาวคาดดำแดง) โดยพร้อมลงตลาดต่างประเทศในเดือน กุมภาพันธ์ ปีหน้านี้ สำหรับในบ้านเราคงต้องรอดูกันไปก่อน ว่าจะมีการนำเข้ามาหรือไม่ ? จะมีการปรับราคาเหมาะสมตามสัดส่วนแค่ไหน ? จะกวาดยอดขายไปได้อีกเท่าไหร่ ? มาติดตามกันได้เลยครับกับที่นี่ MotoNaked.com

ณ ปัจจุบันนี้ทางศูนย์ Yahama Riders Club ก็ทยอยส่งมอบ YZF-R1 ออกมาโลดแล่นบนท้องถนนพอสมควรแล้ว ส่วนใครที่เฝ้า YZF-R1M หรือที่จองไว้แล้ว ใจเย็นๆนะครับ ล่าสุดคือกำลังส่งเข้ามาให้พร้อมโลดแล่นกันได้ในหน้าหนาว ฤดูแห่งการขับขี่รถของบ้านเราแน่นอนครับ
YZF-R1S USA CAN 2016
YZF-R1S USA CAN 2016
YZF-R1S USA CAN 2016


YZF-R1S USA CAN 2016
YZF-R1S USA CAN 2016
YZF-R1S USA CAN 2016
Credit : https://www.motonaked.com/news/motorcycle-news/20151007/yamaha-yzf-r1s-new-code/
เขียนโดย ZB ที่ 04:15 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest

รีวิว DUCATI MONSTER 821

REVIEW : DUCATI MONSTER 821 เติมเต็มกับการเดินทาง ในทุกเส้นทางที่พบเจอ

โดย ทองม้วน @68Apex / November 19, 2015 14:03 / 4,240 views
SHARE
cover
ก่อนอื่นต้อง ขอขอบคุณ Ducati พระราม 3 ที่ให้เกียรติเราได้ทำการขับขี่เดินทางบน Ducati Monster 821 กับระยะทางการใช้งานจริงร่วม 1300 กม. บนเส้นทางการเดินทางในทุกสภาพที่พบเจอได้บนการเดินทางบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานในเมืองที่สภาพการจราจรติดขัดสาหัส เส้นทางหลักยืนพื้น เส้นทางรอง ทางเขาสลับโค้งแคบๆ หรือทางเขาที่มาพร้อมกับโค้งที่ต้องใช้ความเร็ว
โดยการเดินทางในครั้งนี้เราจะมุ่งหน้ายาวๆ จาก กรุงเทพสู่เขาค้อ ก่อนจะออกเดินทางต่อยัง อ.เชียงคาน จังหวัดเลย และเดินทางกลับยาวๆ รวดเดียวถึงกรุงเทพ กับรถ Naked คันนึง จาก Ducati ที่หลายๆคนชื่นชอบ
สำหรับ Monster 821 ก็ถือว่าออกมาได้สักระยะเวลานึงแล้ว การรีวิวครั้งนี้จึงจะขอเน้นไปที่การใช้งานจริงในสภาพที่หลากหลายแทนนะครับ
เช่นเคยกับหัวข้อในการรีวิวเพื่อความกระชับตามนี้เลยครับ
  1. รูปลักษณ์ทั่วไป
  2. รายละเอียดทางเทคนิคที่น่าสนใจ
  3. มาย่อยเรื่องโหมดการขับขี่กัน
  4. สัดส่วนคน และรถ
  5. การขับขี่ในสภาพถนนต่างๆ
  6. อัตราสิ้นเปลือง
  7. ข้อดี/ข้อสังเกต/ข้อเสีย
  8. น่าจะเหมาะกับ / ไม่เหมาะกับ
  9. สรุป
รูปลักษณ์ทั่วไป
20151023_163804
Monster 821 มากับมิติและเส้นสายของตัวรถที่ดู “ดุดัน”​ ขึ้นมากกว่ารุ่นพี่อย่าง Monster 795 796 ออกไปทางละม้ายคล้ายคลึงกับ Monster 1200 ซะอีก โดยเฟรมของ 821 จะมีการ “ใช้เครื่องยนต์มาช่วยรับแรง” คือ เฟรมท้าย และเฟรมหน้า จะยึดกับเครื่องยนต์ไปด้วยกัน โดยลักษณะการยึดแบบนี้เริ่มใช้มากับ Ducati Panigale
นอกจากนั้นสิ่งนึงที่ใส่เข้ามาใน Monster 821 คันนี้คือ หม้อน้ำครับ ซึ่งช่วยรักษาความร้อนของเครื่องยนต์ในการขับขี่ผ่านการจราจรติดขัดได้ดีขึ้นมากเลยทีเดียว

mtn
ปีกถังน้ำมันทรงกว้าง แต่ช่วงขากระชับใช้ได้ทีเดียว ช่วงแฮนด์ และพักเท้าที่มีการปรับระยะใหม่ ทำให้ท่านั่งเป็นมิตรกับผู้ขับขี่มากขึ้น และใช้เดินทางได้สบายขึ้น ให้การควบคุมรถที่ง่าย และคล่องตัวมากกว่า Monster 795, 796
[ด้านบนซ้าย] ประกับไฟทางซ้าย ที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงด้วยการใช้งาน ไล่เรียงลงมาเลยครับ
  • สวิทช์ไฟ pass ที่ปลายนิ้วชี้ โดยใช้เป็นตัวจับเวลาใน Lap Function ได้ด้วย
  • ปุ่มโยกด้านบนเป็น switch up สำหรับเลือกเมนู
  • ปุ่มโยกด้านล่างเป็น switch down สำหรับเลือกเมนู
  • สวิทช์ไฟเลี้ยวที่มาพร้อมปุ่มพิเศษตรงกลาง โดย
    • กดแตะ 1 ครั้ง จะเป็นการยกเลิกไฟเลี้ยว
    • กดแตะเรื่อยๆ จะเป็นการเลือกโหมดการขับขี่
    • กดค้าง 4 วินาที จะเป็นการยืนยันโหมดที่ต้องการใช้
    • กดค้าง 3 วินาที และสไลด์ไปทางซ้ายจะเป็นการเปิดไฟ hazard หรือไฟผ่าหมากนั่นเอง
[ด้านขวา] ปะกับไฟทางด้านขวามากับ สวิทช์สตาร์ท โดยต้องเลื่อนปุ่มแดงขึ้นไป แล้วกดสตาร์ทที่ปุ่มดำๆด้านล่างนะครับ
เรือนไมล์เป็นแบบดิจิตอลล้วนๆ บอกข้อมูลในการขับขี่ที่จำเป็นอย่างครบครัน แต่ยังคงไม่มีไฟบอกเกียร์ และเกจ์วัดระดับน้ำมัน จะมีแค่ไฟเตือนเมื่อใกล้หมดแล้ว ซึ่งก็น่าจะขับขี่ต่อได้ราวๆ 40-50 กม. โดยบนหน้าปัทม์จะมีบอก
  • รอบเครื่องเป็นแถบพลัง ! ด้านบน
  • ระยะการเดินทาง เวลา
  • ความเร็วที่ใช้อยู่
  • ข้อมูลในการขับขี่ Trip ต่างๆ
  • ระดับของ ABS (ตามโหมดที่ใช้งาน หรือปรับแต่งเอง)
  • ระดับของ DTC (ตามโหมดที่ใช้งาน หรือปรับแต่งเอง)

รายละเอียดทางเทคนิคที่น่าสนใจ
mtn1
การ์ดท่อเย็นแท้ ขี่ขึ้นดอยมา เอามือจับได้เลยครับ ไม่ร้อนอะไร
2015-11-19_13h50_33

มาย่อยเรื่องโหมดการขับขี่กัน
20151023_164103
สำหรับ Ducati Monster 821 คันนี้ นับได้ว่าเป็นครั้งแรกในตระกูลของ Monster ที่มีการเพิ่ม ABS 3 ระดับ (และปิด) พร้อมมาด้วย DTC แบบปรับระดับได้อีก 8 ระดับ (และปิด) โดยจะมีการตั้งค่าพื้นฐานไว้ให้ 3 โหมดด้วยกัน คือ Sport Touring และ Urban ตามนี้เลยครับ
การปรับโหมดทำได้โดยกดปุ่มมหัศจรรย์ตรงกลางเลือกโหมดที่ต้องการ แล้วกดค้างไว้ 4 วินาทีนะครับ รถจะแจ้งมาให้เรา “ปิดคันเร่ง” และ “ห้ามเบรค” แล้วถึงทำการเปลี่ยนโหมดให้นะครับ หลังจากนั้นก็พร้อมสนุกไปกับโหมดที่เราเลือก หรือชิวไปในแบบที่ต้องการได้เลย
2015-11-19_13h50_41
นอกจากนั้นนะครับ แต่ละโหมดเรายังสามารถปรับระดับ ABS หรือ DTC ได้เองผ่านทางเมนู settings ในรถอีกต่างหากนะครับ คือเลือกได้เลยว่าอยากได้แบบไหน Monster 821 คันนี้พร้อมจะตอบสนองให้อย่างที่ผู้ขับขี่ต้องการ (แต่ !! ต้องจอดรถเพื่อตั้งค่าละเอียดนะคร้าบ ซึ่ง Ducati เองก็ไม่ยอมให้เข้าปรับตั้งหากกำลังขับขี่ด้วยความเร็วมากกว่า 20km/hr ตั้งค่าต่างๆจอดเถอะ อันตราย ^^)

สัดส่วนคน และรถ
rider163
กับผู้ขับขี่ที่มีสรีระส่วนสูง 163 cm และน้ำหนัก 65 kg นั่งตรงกลางเบาะวางปลายเท้าได้สองข้างสบายๆครับ (บนเบาะแบบ low seat) สำหรับเบาะ high seat ก็จิกเท้านิดนึง ดีที่รถค่อนข้างเบาการตั้งรถ การขับขี่ต่างๆทำได้สบายเลยทีเดียวครับ

20151023_165025
และเช่นเคย เขยิบก้นสักนิด แล้ววางขาข้างใดข้างนึงเต็มๆดีกว่าครับ ยิ่งถ้าเราเดินทางระยะไกลๆ มาเขย่งตลอดเวลา ..​มันเมื่อยหน่ะ ดีไม่ดีตะคริวกินขาหล่ะเพลินเลย

การขับขี่ในสภาพถนนต่างๆ #การใช้งานในเมืองหรือการจราจรหนาแน่น
20151023_164622
ความร้อนหล่ะ !! ประเด็นร้อนๆ !! บนการขับขี่ในการจราจรติดขัด ระดับความร้อนที่แผ่ออกมาจากรถใกล้เคียงกันกับ Monster 795, 796 คือร้อนในระดับที่สบายๆ ไม่ได้ถึงขนาดร้อนมากมายจนรับไม่ได้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ “หม้อน้ำ” ทำให้อาการที่ร้อนที่เพื่อนๆบางคนอาจจะเคยเจอในการจราจรติดขัด จนต้องจอดพักบน Monster 795,796 จะไม่มีบน Monster 821 คันนี้ครับ หม้อน้ำที่ใส่เข้ามาช่วยรักษาการทำงานของเครื่องยนต์ให้ได้ระดับความร้อนที่เหมาะสมดีขึ้นมากเลยทีเดียว
ทั้งนี้ระยะแฮนด์ และระยะกระจกที่กว้าง ทำให้การขับขี่ผ่านช่องของรถติดๆ อาจจะทำได้ติดขัดเล็กน้อย แต่ยังดีครับที่ตัวรถเค้ามีน้ำหนักเบา และความสูงทีค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ในบ้านเรา เลยยังช่วยให้สามารถโยกรถหลบได้เรื่อยๆ
กับการขับขี่ในเมืองที่เราไม่ได้ต้องการแรงบิดมากมาย และส่วนใหญ่คือการเดินคันเร่งเบาๆ เลี้ยงรถไปตามการจราจรสับมา Touring เลยครับ การตอบสนองคันเร่งที่หน่วงลงนิดนึงช่วยให้เราปิดเปิดคันเร่งได้ง่ายขึ้น หรือจะมา Urban เลยก็ได้ครับ ขี่สบายขึ้นเยอะ
ส่วนโหมด Sport จะมีอาการหน้าทิ่มเวลาปิด และหน้าสั่นเวลาเปิดคันเร่งได้เล็กน้อยนะครับ จากการปรับการตอบสนองให้ไว เดินคันเร่งช้าๆจะทำได้ไม่ค่อยนิ่มนวลเท่าไหร่ ก็ตามที่ออกแบบให้ใช้กับการขับขี่ที่รอบสูง สภาพถนนดี หรือสนามแหล่ะครับ
โหมดที่แนะนำ Touring สำหรับการขับขี่ทั่วไป
Urban เวลารถติดหนักๆก็สบายดีครับ

การขับขี่ในสภาพถนนต่างๆ #การเดินทางบนเส้นทางหลัก
IMG_0083
บน Ducati Monster 821 การเดินทางบนเส้นทางหลักยืนพื้นทำความเร็ว 100-120 km/hr ทำได้ค่อนข้างดี กับการใช้งานเดินทางบนรอบเครื่องยนต์ยืนพื้นประมาณ 5,500-6,500 rpm ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังจะเริ่มมีแรงบิดขึ้นมา ทำให้การเร่งแซงทำได้ง่าย แต่ถ้ารอบเครื่องขึ้นไปแตะๆที่ประมาณ 7,000-8,000 rpm ซึ่งเป็นช่วงที่แรงบิดไต่มาเต็มๆ หรือคือย่านที่เราใช้ในช่วงเร่งแซง จะมีอาการ “สั่น” สะท้านขึ้นมาพอสมควร ตามนิสัยของเครื่อง L-Twin แต่บนการขับขี่ทั่วไป สบายๆดีครับ ถือว่าทำได้นิ่มนวลขึ้นกว่า Monster 795, 796 พอสมควรเลยทีเดียว
และเป็นปกติสำหรับ Naked ที่ลมจะเข้ามาปะทะผู้ขับขี่มากพอสมควร หัวสั่นหัวคลอนได้นิดหน่อย ถ้าใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องนานๆอาจมีอาการล้าที่ต้นคอได้นะครับ มาขี่ชิวๆ เดินทางหล่อๆ ให้คนเห็นกันชัดๆ ดีกว่า
บนโหมด Sport การตอบสนองคันเร่งทำได้ดี เร่งแซงตามจังหวะของการจราจรได้อย่างคล่องตัว โดยโหมดนี้จะปรับให้ ABS อยู่ที่ระดับ 1 คือจะตอบสนองช้า และมีอาการล๊อคได้นิดหน่อยนะครับ อาจจะมีอาการเอี๊ยดอ๊าดบ้างแต่ก็ทำงานได้ละเอียดพอสมควร และฉับไวดี
หรือถ้าถนนโล่งๆ ขี่ชมวิวทิวทัศน์ก็ปรับลงมาโหมด Touring เลยครับ การตอบสนองของคันเร่งจะถูกทอนลงเล็กน้อยให้เราขับขี่ได้สบายขึ้น ไม่ต้องละเอียดกับการเดินคันเร่งมากเกินไป อีกทั้งเวลาเราเจอกับสภาพถนนแย่ๆ เป็นคลื่น การทอนการตอบสนองของคันเร่งช่วยให้เราไม่ต้องประคองคันเร่งมากเกินไป สะเทือนๆนิดหน่อยก็ยังคงรักษาอาการของรถไว้ได้ดีครับ

โหมดที่แนะนำ Sport สำหรับถนนแห้ง
Touring สำหรับฝนตกหรือถนนไม่สม่ำเสมอ

การขับขี่ในสภาพถนนต่างๆ #การเดินทางบนเส้นทางเขาทางโค้งต่อเนื่อง
IMG_9984
แม้ว่า Ducati 821 มากับระยะฐานล้อที่ยืดขึ้นมาอยู่ที่ 1480 mm ซึ่งมีผลให้จุดศูนย์ถ่วงของรถมาแถวกลางๆมากขึ้น และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่มากขึ้น แต่ด้วยการปรับท่านั่งใหม่ ผสานกับน้ำหนักรถที่เบาเพียง 205.5 kg ทำให้การพลิกรถเข้าโค้งต่อเนื่องบนถนนแคบๆ ทำได้โดยง่าย และแรงบิดที่มาตั้งแต่ช่วงต้นทำให้ Ducati Monster 821 สามารถส่งออกโค้งได้สนุกพอสมควรเลยทีเดียว
กับการเดินคันเร่งออกให้สบายๆ สับมาโหมด Touring เลยครับ Monster 821 จะตอบสนองช้าลงนิดหน่อย ซึ่งก็ช่วยให้เราไม่ต้องพะวงกับการเปิดคันเร่งแล้วมีอาการสะดุด หรือหน้าหงายเงิบกันในโค้ง ขี่ช้าลงสักนิด ชิวๆ ชมวิวทิวทัศน์ บนม้าสีแดงเพลิงก็ชิวดีนะเอ้อ
บนการเดินทางในทางเขาที่เราอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าขึ้นเนินไปแล้วจะเจออะไร อาจจะเป็นทางโค้งลงเนินชัน “หักศอก” ต่อเนื่องก็ได้ ซึ่งนี่หล่ะครับที่ Slipper Clutch เข้ามาช่วยได้ระดับนึงเลยทีเดียว กับ “คลัชที่ยอมให้ลื่น” ได้เล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการล้อหลังล็อคจากการลดเกียร์ไวเกินไป เช่นจากเกียร์ 5 ลงมาเหลือ 2 เป็นต้น กับ Monster 821 คันนี้ ทำได้ดีครับ ไม่มีอาการดีดดิ้นให้เสียวเล่นมากเกินไปแบบคลัทช์ปกติ แต่ก็ไม่ได้ต้องใช้มันตลอดนะครับ เดี๋ยวไปเจอรถคันอื่นที่ไม่มีแล้วจะเหวอเอา ^^’

โหมดที่แนะนำ Touring สำหรับทางแห้ง
Urban ถ้าฝนตก

อัตราสิ้นเปลือง
20151023_163849
2015-11-19_13h50_53
กับการเดินทางที่มีระยะรวมที่ประมาณ 1309 km ใช้น้ำมันไปประมาณ 62 litre หรือคิดได้ที่ราวๆ 21 km/litre เลยทีเดียวครับ สำหรับเครื่องยนต์ที่มีความจุขนาดนี้ เดินทางกับเค้าไปทุกสภาพเส้นทางแบบนี้ ใช้ได้เลยครับสบายๆเลย

ข้อดี / ข้อสังเกต / ข้อเสีย
20151023_164537
เบาะนุ่มนิ่ม นั่งสบายๆ ถึงจะเป็นเบาะตอนเดียว แต่วางตำแหน่งผู้ขับขี่ และคนซ้อนได้ดีทีเดียวครับ
ข้อดี
  • ท่านั่งที่ปรับมาทำให้การขับขี่เดินทางทำได้ดีขึ้น ท่านั่งกระชับขึ้น ช่วงแขนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  • โหมดให้มา 3 โหมด และใช้งานได้จริง การตอบสนองของรถเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนในแต่ละโหมด
    • Sport ว่องไว ตอบสนองทันที ดุดัน
    • Touring เชื่องมือลงนิดหน่อย แต่ยังพร้อมจะพยศได้เต็มที่
    • Urban ชิวๆ ขี่กินลมสบายๆ
  • นับเป็นครั้งแรกของ Monster ที่มีการใส่ ABS และ DTC ที่สามารถปรับระดับได้ละเอียดมากเลยทีเดียวครับ โดย ABS ตั้งได้ถึง 3 ระดับ และ DTC ตั้งได้มากถึง 8 ระดับ (หรือจะปิดเลยก็ได้ สำหรับการขับขี่ในสนามที่ต้องการความคม และการออกโค้งที่ไว)
  • “ความร้อน” Monster 821 มาพร้อมกับหม้อน้ำ ซึ่งช่วยรักษาความร้อนของรถได้ดีเลยครับ อาการร้อนจนอาจจะน๊อค จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากกับ Monster 821 คันนี้
  • เบาะที่ปรับระดับความสูงได้ง่าย ช่วยให้ผู้ขับขี่ในบ้านเราที่มีสรีระไม่สูงมากนัก สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และขับขี่ได้มั่นใจมากขึ้นครับ

ข้อสังเกต
  • ปะกับไฟซ้ายที่มาแบบเรียบง่าย พร้อมปุ่มมหัศจรรย์ที่ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ต้องปรับตัวนิดหน่อยนะครับ บางครั้งก็มีงงๆ บ้าง แต่สักพัก 10-15 นาทีก็เริ่มชินครับ แล้วก็ไม่ต้องสนใจหล่ะ
  • ความร้อนแผ่พุ่งได้พอสมควรในการขับขี่บนการจราจรติดขัด ระอุๆ อ้าว ออกมาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดรับไม่ได้
  • กับนิสัยของเครื่องยนต์ L-Twin ที่ให้แรงบิดดีตั้งแต่รอบต่ำ แต่เมื่อไล่รอบขึ้นไป 5-6,000 rpm จะเริ่มมีอาการสั่นๆพอสมควร และช่วงเร่งแซงที่ 7-8,000 rpm จะเป็นย่านที่มีอาการสะท้านขึ้นมาจนแฮนด์สะเทือนได้ให้รำคาญได้
  • เบาะที่ตำแหน่งต่ำช่วยให้คนสรีระไม่สูงมากเข้าถึงได้ง่าย แต่ตัวถังก็จะบางลงนิดหน่อย อาจจะหนีบได้ไม่สะดวกเท่าเบาะที่ตำแหน่งปกตินะครับ
  • คลัทช์ ! ต้องปรับตัวพอสมควร คลัทช์นิ่มๆของ Ducati ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมาย แต่ก็มีระยะการทำงานที่ค่อนข้าง “สั้น”​ คือแตะนิดจาก ปล่อยนิดเดียวจับ ช่วงออกตัวนี่ต้องฝึกอยู่หลายครั้งเหมือนกันครับกว่าจะจับจังหวะแม่นๆของเค้าได้

น่าจะเหมาะกับ / ไม่เหมาะกับ
IMG_0125
ขับขี่บนเส้นทางโล่ง ไม่มีการจราจรนะครับ การขับขี่ปกติหนีบถังสบายๆ lean-in ช่วยนิดหน่อยก็พอ ^^
น่าจะเหมาะกับ
  • เพื่อนๆที่ต้องการเดินทางระยะสั้น – กลาง ประมาณไม่เกิน 400 km ต่อวันกำลังดีเลยครับ
  • ตอบสนองต่อการใช้งานได้หลากหลาย
  • มือใหม่ ไม่ค่อยแนะนำครับ แม้ว่า Monster 821 จะขับขี่ได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับ Monster 795 /796 แต่ cc ขนาดนี้ กำลังขนาดนี้ ความเร็วที่ฉีกออกมา อันตรายครับ ค่อยๆไล่ cc หรือเก็บทักษะจากการฝึกฝนตามคอร์สต่างๆมาเรื่อยๆดีกว่าครับ
น่าจะไม่เหมาะกับ
  • เพื่อนๆที่นำรถมาเพื่อการเดินทางระยะไกล คือด้วยตัวรถถามว่าทำได้มั้ย ทำได้ครับ แต่ผู้ขับขี่ออกจะเหนื่อย และพาลเอาการท่องเที่ยวไม่สนุกซะมากกว่า
  • ขับขี่ในเมืองการจราจรติดขัดตลอดเวลา จากการที่คลัทช์เค้าจะมีระยะที่ค่อนข้างสั้น การจับจังหวะคลัทช์ในรอบต่ำๆ ต่อเนื่อง อาจจะเผลอทำดับเอาได้ง่ายๆ ถ้าเลียคลัทช์มากไปก็ออกจะเปลืองไปนิด แต่ถ้าชินมือแล้วก็น่าจะคล่องขึ้นมากกว่านี้ครับ
สรุป
20151023_164042
พารถ Naked มาขึ้นดอยลุยทางดิน ทางลูกรังหลุมบ่อกันสักนิด Monster 821 ก็ยังพาไปถึงที่หมายได้นะครับ
รีวิวครั้งนี้ออกมาช้าไปสักนิดกับ Monster 821 ซึ่งก็มีเพื่อนๆ ได้ขับขี่กันเยอะแล้ว แต่ก็ถือเป็นครั้งแรกหล่ะกันครับของผมบน Monster 821 คันนี้ จากการที่เคยมีโอกาสได้ขับขี่ Ducati Monster 795 และ 796 มาก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับ Monster 821 …​แต่ …​ ไม่ใช่เลย
Monster 821 คันนี้มาพร้อมกับระบบอิเล็กทรอนิคส์ที่เข้ามาเพิ่มคาแรคเตอร์ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในสายสนุก สายสบาย หรือสายชมวิว ก็ตาม นอกจากนั้น ท่านั่ง ตำแหน่งท่าทางของผู้ขับขี่ได้รับการปรับมาให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และขับขี่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
การปรับแต่งเครื่องยนต์ การปรับแต่งการใช้คันเร่งไฟฟ้า (หรือ RbW) ของ Monster 821 ทำออกมาได้ดีเลยครับ ตอบสนองได้ชัดเจน และใช้งานได้ค่อนข้างดี แรงบิด เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งการเพิ่มไอเท็มลับ “หม้อน้ำ” เข้ามายิ่งทำให้ Monster 821 คันนี้ใช้งานในบ้านเราได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนไปอีก ความร้อนที่ออกมาจากตัวรถในสภาพการจราจรติดขัด แผ่พุ่งออกมาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดร้อนจนรับไม่ได้
การปรับโหมดการใช้งานออกไปทาง งงๆ นิดหน่อยตอนแรกๆ คือใช้ปุ่มมหัศจรรย์ปุ่มเดียวกับไฟเลี้ยว แต่พอปรับตัวได้ก็โอเคครับ จะไม่ง่ายแบบรถบางคันที่ปิดคันเร่ง กดจบ กับ Monster 821 ต้องกดแช่ไว้สักนิดนึง
การเดินทางด้วยความเร็วยืนพื้น 100-120 km/hr เป็นย่านความเร็วที่กำลังเหมาะสมกับ Naked เลยครับ และ Monster 821 ก็ทำย่านแรงบิดออกมาได้ดีในช่วงนั้นเลยทีเดียว คือผู้ขับขี่สามารถเปิดคันเร่งออกเพิ่มเร่งได้ทันทีโดยไม่ต้องลดเกียร์ลงช่วยเพิ่มแรงบิดมากเกินไป
บนการเดินทางจริงที่เราเดินทางไปในแทบทุกสภาพถนนที่สรรหาได้ Monster 821 ก็พร้อมจะพาไปถึงจุดหมายได้เหมือนกันนะนั่น !

20151023_163937
บางครั้งความสุขก็อยู่ไม่ไกลมาก แต่อยู่บนเส้นทางที่เรากำลังเดินทางนี่แหล่ะครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Ducati พระราม 3 ด้วยนะครับ ที่ให้ความอนุเคราะห์เรา MotoNaked.com ได้มาทำการขับขี่ Monster 821 คันนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้รับรถมาเพื่อทำการรีวิว บนการเดินทางจริงของเรา ขอบคุณนะครับ

299445_416679825046910_212165516_n
https://www.facebook.com/ducatirama3
โทร: 02 6828082-7 ต่อ 300 เปิดบริการทุกวันไม่มีวันหยุด
Credit : https://www.motonaked.com/reviews/20151119/review-ducati-monster-821/
เขียนโดย ZB ที่ 04:09 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
บทความที่ใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก
สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)

บทความที่ได้รับความนิยม

  • ตลาดบิ๊กไบค์ที่น่าสนใจ
    Home Home หน้าแรก Big Bike. บิ๊กไบค์ » Accessory อุปกรณ์ตกแต่ง » Apparel เครื่องแต่งกาย » Maintenance อุปกรณ์บำรุ...
  • Soryon BigBike
                 SORYON BIGBIKE                                                                                                    ...
  • Mocyc.com
      ก่อนท่านจะซื้อขายสินค้า ท่านได้ อ่านหน้านี้แล้วหรือยัง กรุณาเข้าไปอ่านทุกครั้งก่อนทำการซื้อขาย !!!   ลงประกาศกิจกรรม Bikeweek , ทริปทำ...
  • รีวิว Kawasaki Z1000 ราคา 2015 – 2016
    [หน้าดุ]Kawasaki Z1000 ราคา ตารางผ่อน Z1000 2015 – 2016 เรือนร่างใหม่..หน้าดุกว่าเดิม Posted in  Motoring  By  AnanMoney  On กันยายน 20, ...
  • อ่านก่อนซื้อ! วิธีเลือกบิ๊กไบค์มือสอง
    อ่านก่อนซื้อ! วิธีเลือกบิ๊กไบค์มือสอง ท่ามกลางกระแสการขี่บิ๊กไบค์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการรุกตลาดลงทุ...
  • ใหม่ Yamaha YZF R15 2016-2017 ราคา ยามาฮ่า YZF R15 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
    ใหม่  Yamaha R15 2016 -2017 ราคา ยามาฮ่า R15 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์   YAMAHA YZF-R15 GENESIS TO THE WORLD OF R-SERIES ปฐมบทของ R- ซีรีส์ ...
  • รีวิว HONDA CBR300R 2016-2017 ราคา ฮอนด้า CBR300R
    ใหม่ HONDA CBR300R 2016-2017 ราคา ฮอนด้า CBR300R ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์ โพสโดย : admin | วันที่ : 25 January 2016 หมวดหมู่ :  Honda CBR...
  • รีวิว New Suzuki SV650 คราวก่อนเสนอ 10 อันดับรถบิ๊กไบค์น่าใช้ คราวนี้ เอามาให่ดูเป็นตัวๆเลยนะครับ
    New Suzuki SV650 หลังจากที่ทางค่าย Suzuki เองนั้นเงียบเหงาไปนานทีเดียว แต่มาคราวนี้ก็ทำการเตรียมเปิดตัวเจ้า  SV650  สำหรับปี 201...
  • รีวิว ยามาฮ่า เอสอาร์400 Yamaha SR400
    “ยามาฮ่า เอสอาร์400” Yamaha SR400 คงไม่ต้องอธิบายกันให้ยืดยาวกับกระแสความนิยมรถคลาสสิกจากค่ายส้อมเสียง เมื่อกล่าวถึงโมเดล...
  • รีวิว Harley-Davidson Softail Deluxe 2016-2017 ฮาร์เล่ย์-เดวิสัน ซอฟต์เทล ดีลักซ์
    ราคา Harley-Davidson Softail Deluxe 2016-2017 ฮาร์เล่ย์-เดวิสัน ซอฟต์เทล ดีลักซ์ Posted by:  admin   in  Harley Davidson ,  ข้อมูลรถยอดนิ...

RK Racing Chain 3068-990W Steel Rear Sprocket and 525XSO Chain 20,000 Mile Warranty Kit

VORTEX RRSET BLK - SV650/1000

Ventura VS-S114/B Bike-Pack Luggage Kit for Suzuki (Black)

Delkevic US KIT0601 Suzuki SV650 18" Oval Stainless Steel Muffler

Black & White Fairing Injection for 2004-2005 Honda CBR 1000 RR 1000RR

Matte Black Fairing Bodywork Injection for 2007-2008 Honda CBR 600 RR 600RR 345 $

Honda CBR600RR Service and Repair Manual: 2007-2012 (Haynes Service and Repair Manuals)

คลังบทความของบล็อก

  • ▼  2016 (35)
    • ►  ตุลาคม (7)
      • ►  ต.ค. 18 (1)
      • ►  ต.ค. 15 (2)
      • ►  ต.ค. 13 (1)
      • ►  ต.ค. 12 (2)
      • ►  ต.ค. 11 (1)
    • ►  กันยายน (2)
      • ►  ก.ย. 23 (1)
      • ►  ก.ย. 20 (1)
    • ▼  มิถุนายน (26)
      • ▼  มิ.ย. 13 (5)
        • 10 อันดับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในฝันคนไทย
        • 10 รถมอเตอร์ไซค์ ที่แพงที่สุดในโลก
        • ร๊วิว Suzuki Hayabusa GSX1300R ABS ซูซูกิ ฮายาบูสะ
        • รีวิว YAMAHA YZF-R1S
        • รีวิว DUCATI MONSTER 821
      • ►  มิ.ย. 12 (7)
      • ►  มิ.ย. 11 (2)
      • ►  มิ.ย. 10 (3)
      • ►  มิ.ย. 09 (3)
      • ►  มิ.ย. 08 (3)
      • ►  มิ.ย. 07 (1)
      • ►  มิ.ย. 05 (2)
  • ►  2011 (3)
    • ►  พฤศจิกายน (3)
      • ►  พ.ย. 07 (3)
บริษัทนี้ดี จำกัด ธีม. ขับเคลื่อนโดย Blogger.