วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559

HONDA CBR 300R / NINJA 300 ABS เปรียบเทียบข้อแตกต่าง

HONDA CBR 300R / NINJA 300 ABS เปรียบเทียบข้อแตกต่าง

Honda CBR300R Ninja 300 ABS 

 

เป็นการเปรียบเทียบการตัดสินใจระหว่าง CBR 300R/NINJA300 ABS เพื่อเป็นข้อต่างไว้เผื่อตัดสินใจในการซื้อให้เหมาะแก่การใช้งานปัจจุบันของผู้ต้องการมีไว้ในครอบครองนะครับ ขอพูดถึง

CBR 300กันก่อนครับ

 

HONDA CBR 300 R

ฮอนด้า ซีบีอาร์300 ตอบโจทย์ด้านความสวยงามได้เป็นอย่างดี สมรรถนะแรงดีเต็มพาวเวอร์จริงๆ พร้อมเร่งแซงทุกเส้นทาง ได้อย่างเต็มแรงบิด ไม่ว่าคุณจะเอาไว้ใช้งานในรูปแบบใด ขับขี่ไปทำงาน ลุยท่องเที่ยว ขับขี่ทัวร์ริ่งกับเพื่อนๆ หรือจะขับขี่ไปหน้าปากซอยก็ตามคุณก็สามารถซิ่งเจ้าสิงห์ทางเรียบคันนี้ได้อย่างเต็มสมรรถนะ พร้อมเพิ่มดีกรีความเท่ให้คุณแบบเต็มรัศมีเลยทีเดียวซึ่งรูปทรงคล้าย        CBR 1000





หากดูผ่านๆแทบแยกไม่ออกเลยระหว่าง CBR 300 และ CBR 1000 ด้านรูปทรงที่ดูสปอร์ตขึ้นในคลาส300 CC ถือได้ว่าค่อนข้างเด่นบนท้องถนน การขับขี่ไม่เป็นอุปสรรค์สามารถมุดนู่นนี่นั่นได้สบาย แค่พับกระจกก็สามารถมุดได้เหมือน Honda wave สบายๆเลย  เหมาะแก่การใช้ในเมืองมากสำหรับคนรัก BB
แต่ห่วงเรื่องขับลำบาก น้ำมันถือว่าประหยัดในระดับ300 CC แต่ถ้าบิดหมดตลอดทาง ก็หน้าจะรู้ชะตากรรม



เฉดสีและราคา HONDA CBR300R

สำหรับความสปอร์ตของบิ๊กไบค์คันนี้ตอบโจทย์ในเรื่องของเฉดสีได้ไม่มากนัก ฮอนด้า ซีบีอาร์300 มีสีหลักๆเลยก็คือ สีขาว น้ำเงิน แดง และลาย Repsol ที่เป็นlimited edition ที่เป็นลายปกติใช้เฟรมหลักเป็นสีขาวและเล่นลายกราฟฟิคด้วยสีแดง และน้ำเงินตามสไตล์ฮอนด้า อีกทั้งสีดำล้วน และสีแดงล้วนก็เป็นเฉดสีหลักของ HONDA CBR300R เช่นเดียวกัน และนี่ก็คือสีหลักของของบิ๊กไบค์สุดเท่คันนี้ หากพูดถึงHONDA CBR300 ราคา จะอยู่ที่ 13x,xxx/145,xxx บาท เงินสด ขึ้นอยู่กับโชรูม CBRต้องเลือกโชรูมดีๆเพราะราคากระโดดไปมาครับ ต่างจาก NINJA

รายละเอียดของ CBR 300R

ระบบเกียร์
                เกียร์                                                       :เกียร์ธรรมดา
                ระบบเกียร์                                            : 6 ระดับ
                ครัช                                                        : มือ
เครื่องยนต์
ขนาดเครื่องยนต์                                  : 286.00 CC. ปรับ 300CC
แบบเครื่องยนต์                                    : 4 จังหวะ
รายละเอียดเครื่องยนต์                       : DOHC 4 วาร์ว/สูบ
                ลักษณะลูกสูบ                                      : สูบเรียง 1สูบ
                ระบบระบายความร้อน                      : น้ำ
ความจุถังน้ำมัน                                   13ลิตร
ระบบจุดระเบิด                                    : Digital Transistorized
ระบบ สตาร์ท                                       : สตาร์ทเท้าพร้อมไฟฟ้า(มือ)
ระบบเบรก                                            : ล้อหน้าดิสก์เบรก (ดิสก์เบรก ABS 2 ลูกสูบ)
                                                                ล้อหลังดิสก์เบรก (ABS
Touque                                                  : 26 นิวตั้นเมตร ที่ 7,250 รอบต่อนาที

แบบวงล้อ                                             ล้อแมกซ์
ขนาดยาง                                               : ล้อหน้า 110/70-17 M/C 54 S (Tubeless)
: ล้อหลัง  140/70-17 M/C 66S (Tubeless)
                ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)              :2,033 x 720 x 1,119 มม.
                น้ำหนัก                                                 : 163.00 กก.
                ราคา                                                       : 13x,xxx /14x,xxx บาท (ขึ้นอยู่กับโชรูม)

การขับขี่เป็นยังไงบ้าง?
                ต้องบอกว่าต้นมาดีแรงมากสำหรับคนที่เล่นรถเล็กๆมาก่อนจะรู้สึกดี หรือขับCBR250R มาก่อนจะรู้สึกได้ว่าTouque ที่ได้มากกว่าเดิมแต่ไม่ถึงกับมากนัก รูปทรงที่ดูต่างจาก CBR150R’ อย่างสิ้นเชิงไม่ต้องกลัวว่าคนจะเข้าใจผิด ท่านั่งยังคงสบายทั้งคนขับและซ้อนเหมือนเดิมครับ ขับขี่ไม่ค่อยเมื่อยเหมือน NINJAแต่เมื่อบิดในรอบสูงๆ เกือบท็อบสปีต ต้องบอกว่า รถสั่นครับ เหมือนCBR 250R เลยในข้อเสียนี้ แต่ก็เป็นปกติครับสำหรับรถ ระดับ 1 สูบ คงให้นิ่งในรอบสูงๆไม่ได้ แต่ข้อได้เปรียบเราคือ ต้นเรามาเร็วมากครับ แต่เสียงคงไม่เพราะเท่าพวก 2 สูบอย่าง NINJAนะครับ เพราะ จุด top dead center/bottom dead center ของสูบเดียวจะทำงานเป็นstep แต่ 2สูบจะทำสลับกัน จึงให้เสียงที่ดีกว่านุ่มลื่นหูกว่าครับ แต่คงไม่มีไครนั่งฟังขนาดนั้นครับการเลี้ยวหลบเข้าโค้งได้ปกติครับง่ายเหมือนแคมเปญของHONDA ครับ ขับขี่ง่าย เพราะน้ำหนักรถค่อนข้างเบาด้วยครับจึงคุมได้ง่ายขึ้น เรื่องความเร็วผมไม่มั่นใจเรื่อง top speed นะครับ เพราะผมเองขับสูงสุด 120 รู้สึกมันจะไปได้อีกครับ แต่ยังไม่พ้นรันอิน เลยยังไม่กล้าบิดมากครับ เดาๆหน้าจะ 150-160ครับ

ศูนย์บริการหละเป็นยังไง?
                ต้องบอกว่า HONDA มีเกลื่อนครับ สำหรับศูนย์ แถมราคาที่เข้าซ่อมต้องบอกว่า ถูกมากเพราะเราเป็นรถระดับ 1สูบ จึงสามารถเข้าศูนย์ธรรมดาเช่นรถมอไซด์ขนาดเล็กได้ปกติครับ อะไหล่รถ ของทางHONDAราคาถือว่าถูก/พอรับได้ครับสำหรับคนทุนน้อยครับ ย้ำ ทุนน้อย ค่าบริการของศูนย์HONDA ไม่คิดนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า บวกไปแล้วหรือเปล่าแต่ถูกมาก ถ่ายน้ำมันเปลี่ยนฟิลเตอร์ไม่หน้าเกิน 500 ครับ

ของแต่งหละหน้าสนไหม?
                ของแต่งต้องบอกว่าหาได้ปกติครับ จริงๆก็ทุกรุ่นแหละครับมีหมด ที่หายากๆก็มีแค่ Duke KTM ครับ ของแต่งของ CBRเอง ค่อนข้างถูกถ้าไม่ติดหรูเล่นของแท้ทุกชิ้น ราคาก็ตามสัญชาติอุปกรณ์แต่งของเราครับ อย่างท่อไม่ต้องพูดถึง พันปลายๆหรือหมื่นอัพครับ  จริงๆขึ้นอยู่กับคนแต่งครับ ผมเองนิยมขับเดิมๆ ครับ ใส่เพียงกันสะบัดเท่านั้น ตามเงินทุนครับงบน้อย อนาคตค่อยว่ากันอีกที แต่ยืนยันครับถูกกว่า NINJA

 

NINJA 300 ABS

                อีกหนึ่งนินจาที่มาพร้อมความซ่าเต็มตัว NINJA300 ABS (นินจา 300 เอบีเอส) อัพเกรดทุกความแรงพร้อมแซงทุกเส้นทาง ด้วยพลังที่เหนือชั้นและความพรีเมี่ยมที่ลงตัว มีเส้นสายของความสปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบ และมีความดุดันอย่างมีสไตล์ จนสามารถตอบโจทย์ความเหนือชั้นได้อย่างมีพลัง มีลูกเล่นของการดีไซน์ตามแบบฉบับคาวาซากิ และมีมิติของภายนอกอย่างสวยงาม สะท้านทุกเส้นทางด้วยเหลี่ยมคมและมุมมองที่โดนใจ NINJA 300 ABS โดดเด่นเต็มสไตล์ด้วยลายกราฟฟิคสุดพิเศษ พร้อมเฟรมสุดแกร่งที่ออกแบบมาเพื่อนินจารุ่นนี้โดยเฉพาะ พร้อมตอบโจทย์การทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยพลังการขับเคลื่อนที่เร้าใจ


                ต้องบอกว่าหน้าตาของ Ninja 300 ABS งดงามมากและดูหน้าขึ้นไปซั๊ดกันบนท้องถนนอย่างมากหน้าตาดูหล่อกว่า CBR 300อย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ต้องใจสปอร์ตตามรถ NINJA ด้วยนะครับ ทุกอย่างสมกับเป็นNINJAมากครับ แต่ขับในกรุงเทพเหนื่อยหน่อยครับตอนไปทำงานรีบๆ ผมบอกเลยพับกระจกแล้วยังมุดยากคงเป็นเพราะผมยังไม่ค่อยชินรถเหมือนกับ CBR300R  ซึ่งผมใช้อยู่ทุกวัน ที่ มุดง่ายกว่าแต่ขนาดของNINJA เล็กกว่านะครับตามสเป๊กทางผู้ผลิตได้ลงไว้

เฉดสีและราคา Ninja 300 ABS
สำหรับเฉดสีภายนอกของ  NINJA 300 ABS มีให้เลือก 3เฉดสีด้วยกัน  สีเขียวอีโบนี่ (Ebony)เป็นเฉดสีที่บ่งบออกได้เป็นอย่างดีว่าคือคาวาซากิ สีส้ม และสีขาว นินจาเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วทางค่ายคาวาซากิก็เน้นสีเขียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตามมาด้วยสีส้มคาดดำ และปิดท้ายด้วยสีขาวคาดดำครับ
ส่วนเรื่องราคาต้องบอกว่า ตามความสปอร์ตครับ ราคา NINJA 300 ABS จะอยู่ประมาณ 18x,xxx บาทหากดูราคาเฉยๆ หลายๆคนอาจจะมองว่ามันค่อนข้างแพง แต่ถ้าหากเทียบกับความมีประสิทธิภาพของ      NINJA 300 นี้แล้ว อีกทั้งการดีไซน์และขนาด ต้องบอกว่ามันคุ้มมากกว่า


รายละเอียดของ NINJA 300 ABS

ระบบเกียร์
                เกียร์                                                       :เกียร์ธรรมดา
                ระบบเกียร์                                            : 6 ระดับ
                ครัช                                                        : มือ
เครื่องยนต์
ขนาดเครื่องยนต์                                  : 296.00 CC. ปรับ 300CC
แบบเครื่องยนต์                                    : 4 จังหวะ
รายละเอียดเครื่องยนต์                       : DOHC 2 สูบเรียง 8  วาร์ว/สูบ
                ลักษณะลูกสูบ                                      : สูบเรียง 2สูบ
                ระบบระบายความร้อน                      : น้ำ
                ความจุถังน้ำมัน                                   17ลิตร
ระบบจุดระเบิด                                    : Digital DCI
ระบบ สตาร์ท                                       : สตาร์ทเท้าพร้อมไฟฟ้า(มือ)
ระบบเบรก                                            : ล้อหน้าดิสก์เบรก (ดิสก์เบรก ABS 2 ลูกสูบ)
                                                                ล้อหลังดิสก์เบรก (ABS 2 ลูกสูบ)
Tourque                                                 : 16.9 นิวตั้นเมตร ที่ 9800รอบต่อนาที

แบบวงล้อ                                             ล้อแมกซ์
ขนาดยาง                                               : ล้อหน้า 110/70-17 M/C 54S
: ล้อหลัง  140/70-17 M/C 66S
                ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)              :2,015 x 715 x 1,110 มม.
                น้ำหนัก                                                 : 163.00 กก.
                ราคา                                                       : 178,xxx /18x,xxx บาท (ขึ้นอยู่กับโชรูม)


การขับขี่เป็นยังไงบ้าง?

                จากที่ผมลองขับ NINJA 300 ABS ของเพื่อนในกลุ่ม ต้องบอกว่ามานิ่มครับ ขับขี่นิ่มกว่าแต่เน้นทางตรงมากกว่าดูแล้วสายหมอบโดยตรงครับ  ท่าขับแบบ CBR บนNINJAลองแล้วเมื่อยครับ แต่ก็รู้สึกต่างกันครับNINJA มันกว่าเยอะ ขนาดเดิมๆครับจะบอกว่าเจ้าของเคยขับได้ 180 ครับจากที่บอก แต่ที่ผมลองเอง 160ครับถนนไม่เอื้ออำนวย เหมือนจะไปได้อีกเยอะหน้าจะถึง 180 อย่างที่ว่าครับ อันนี้วัดจากการขับขี่เองบนท้องถนนเมืองไทยนะครับไครทำได้มากกว่า 180 ก็อวยชัยไปครับ การเข้าโค้งดูจะกว้างกว่าCBRนะครับ ผมไม่ค่อยชินรึปล่าว ตอนจะแซงรถข้างหน้าไม่ค่อยเป็นปัญหาครับแต่ช้ากว่าCBR300R ครับที่ดูเหมือนต้นจะมาตามใจเรามากกว่า แต่เรื่องความเร็วปลายไหลนี่ต้องบอกเลยครับ ยอมNinja 300 ครับแรงมาก ตีคู่กันมา ผมเองที่ขับCBR 300R อยู่ ขอสยบครับถ้าวัดกันไกลๆ ฟิลลิ่งนี่ดีกว่า CBR 300Rเห็นๆครับ ความเร็วนี่รอบสูงๆไม่สั่นเหมือนCBR 300R ครับ ซึ่ง จำนวนลูกสูบ ต่างกันครับ ขับคันนี้ขอบอกเลยครับ ถนนวิภาวดี ขอเนียนๆช่องทางด่วนของรถ 4ล้อ บิดยาวๆครับ มันจริงๆ ขอแบบโล่งๆให้เราได้บิดครับ  ยอมรับในสมรรถนะครับ เรื่องระบบ เกียร์ ดีกว่า CBR 300R เข้าเกียร์ง่ายกว่านุ่มกว่า
แต่ขอบอกอีกเรื่องครับ น้ำมันกินไม่ต่างกับ CBR 300มากเกินไปครับ ถือว่ารับได้ในระดับ 2ลูกสูบ



ศูนย์บริการหละเป็นยังไง?
                จากปากเจ้าของนะครับ NINJA เห็นว่า ราคาเข้าศูนย์นี่แพงกว่า CBR เยอะครับ ซึ่งต้องเข้าเฉพาะรถBB เท่านั้นครับ ไม่สามารถใช้ อุปกรณ์บางอย่างของรถสูบเดียวอย่าง CBR 300R ได้ครับ ศูนย์นี่จะน้อยกว่าทาง CBR ครับเพราะยังเป็นน้องใหม่อยู่แต่ก็มีเกือบทั่วประเทศแล้วครับ ราคานี่ก็เหมาะกับตัวรถครับ แพงตามค่าตัวครับ แต่มีเงินซื้อขนาดนี้แล้วอย่าซีเรียสครับ ต้องคิดตั้งแต่จะซื้อแล้วหล่ะครับ

ของแต่งหละหน้าสนไหม?
                ของแต่งพี่ NINJA เยอะมากมหาศาลครับ ถูกและแพงตามสัญชาติครับแต่ที่ดูๆต่ำๆก็ พันต้นๆครับ ดูจะแพงกว่า CBR แต่คนขับ NINJA ส่วนใหญ่ไม่คิดมากครับในส่วนนี้เพราะใจมันรักในของแต่ง ของบางชิ้นใช้ร่วมกันได้ราคาก็เท่ากันครับ

กล่าวลาทิ้งท้าย
                บทความเปรียบเทียบที่ผมนำมาเผยแพร่นี้ใช้เพื่อเป็นตัวเลือกการตัดสินใจที่ลังเลของแต่ละบุคคล
ข้อความใดที่ผิดพลาด ต้องขออภัยครับ ผมไม่ใช่ผู้ชำนาญการเฉพาะ เพียงแต่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันและพอรู้บ้างนิดหน่อย จึงนำความรู้ที่มีมาเป็นตัวชี้วัดให้กับเพื่อนที่ยังลังเลครับ อ่านดูแล้วก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ที่กำลัง หาทางเลือกนะครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ 2ล้อทางเรียบครับ
Credit : http://witvisitcithara.blogspot.com/2014/07/honda-cbr-300r-ninja-300-abs.html

อยากจะหามอเตอร์ไซค์มือสองซักคัน ต้องทำอย่างไรเพื่อจะได้ไม่ถูกหลอก

คุณมีงบประมาณเท่าไหร่

แน่นอนหละคุณคงไม่ได้มีงบมากพอที่จะไปซื้อรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ แต่ก็นั่นแหละด้วยเงินที่มีอยู่ในมือจะทำให้คุณสามารถมีรถที่สมรรถนะดีกว่าในราคาที่เท่ากัน ถ้าเทียบกับรถคันใหม่ แต่ก็ต้องยอมแลกกับการเสื่อมสภาพที่เกิดขึ้นมาก่อนจะถึงมือคุณ ดังนั้นหากเราจะหารถที่ใช้เดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ไม่ได้เอาไปแข่งขัน หรืออวดใครละก็ ตั้งเป้าไว้ว่าเงินประมาณนี้ ท่านคาดหวังอะไรบ้างที่คุ้มค่าที่สุด

หารถมอเตอร์ไซค์มือสองได้ที่ไหน

นอกจากเดินไปร้านไกล้บ้านแล้วละก็ อินเตอร์เน็ตก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว หลังจากค้นหาพบคันที่ต้องการแล้วก็ควรดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

ทดสอบการขับขี่

หากคุณมีโอกาสได้จับต้องรถมอเตอร์ไซค์คันที่ต้องการซื้อ แน่นอนว่าต้องทดสอบการขับขี่ แต่หากไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น ก็คงต้องข้ามประเด็นนี้ไป

ตรวจสอบโครงรถหรือ frame

โครงรถสามารถบ่งบอกอะไรได้หลายๆอย่าง รอยแตก หรือแนวเส้นยาวเหมือนเส้นผมจะเป็นสิ่งเตือนว่ารถคันนี้อาจจะนำมาใช้แล้วไม่ปลอดภัย ดังนั้นควรตรวจสอบโครงรถให้ถี่ถ้วนโดยเฉพาะแนวรอยต่อ หากเป็นรถราคาแพงอาจจะขอถอดบางชิ้นส่วนเพื่อดูโครงรถให้แน่ใจ
อย่าไปหลวมตัวซื้อรถมอเตอร์ไซค์ที่มีร่องรอยความเสียหายที่เกิดกับโครง ไม่ว่าจะเป็นรอยบุบ รอยเชื่อม โค้ง งอ ถอดเบาะหรือชิ้นส่วนที่ถอดง่ายเพื่อตรวจตราให้ละเอียด อย่าลืมพกไฟฉายไว้ส่องในมุมอับด้วย

ตรวจสอบโซ่

โช่ที่บำรุงรักษาสม่ำเสมอจะสามารถใช้งานได้นาน ตรวจสอบด้วยตาเปล่าว่าโซ่มีร่องรอยสนิมมากน้อยแค่ไหน และอย่าลืมทดสอบความอ่อนตัวของโซ่ด้วยการดันหรือดึงไปทีละส่วน เข็นรถไปเล็กน้อยแล้วตรวจโซ่อีกไปจนกว่าจะครบรอบ และอย่าลืมตรวจสอบเฟืองท้ายว่ามีซี่สม่ำเสมอหรือไม่ และปลายเฟืองยังมีความแหลมคมแค่ไหน

ตรวจสอบแบตเตอรี่ตะกั่ว

แบตเตอรี่ที่สะอาดจะบ่งบอกว่ารถไม่ได้ถูกทิ้งไว้นาน แม้ความสะอาดจะไม่ได้บ่งบอกว่าจะมีอายุการใช้งานเหลือมากน้อยแค่ไหน แต่หากไม่มีร่องรอยการสึกกร่อนก็นับเป็นสิ่งที่ดี ส่วนใหญ่จะอยู่ในตำแหน่งใต้ที่นั่ง อย่าอายที่จะขอดูแบตเตอรี่

ตรวจสอบยางรถ

ขั้นต่อไปให้ตรวจสอบดอกยางว่าสึกสม่ำเสมอหรือไม่ หากดอกยางหายไปเยอะด้านใดด้านหนึ่งแสดงว่าศูนย์ถ่วงรถอาจจะไม่ดี ตรวจสอบว่ายางล้อหน้าและล้อหลังเป็นยี่ห้อหรือขนาดเดียวกันหรือไม่ เพราะบางครั้งคนขายอาจจะเปลี่ยนยางที่ดูดีมาแทน

ตรวจสอบเบรก

เมื่อดูส่วนต่างๆข้างบนเป็นที่พอใจแล้ว ให้นั่งบนรถแล้วลองกำเบรกหน้าดู เบรกจะออกแรงต้านอย่างสม่ำเสมอ และคลายตัวกลับมาที่เดิมเมื่อปล่อย ตรวจสอบรอยรั่วซึมของไฮโดรลิกส์ของเบรกดูด้วย หากรถมีขาตั้งตรงกลางก็ให้ใช้ขาตั้งจอดรถแล้วยกหัวรถขึ้น แล้วหมุนซ้ายขวา ซึ่งไม่ควรมีข้อติดขัด

ตรวจสอบส่วนที่ขาด

แน่หละว่ารถมอเตอร์ไซค์มือสอง อาจจะมีบางส่วนที่ขาดหายไป และควรจะลองโทรไปสอบถามร้านอะไหล่ว่าชิ้นส่วนนั้นราคาควรจะประมาณเท่าไหร่ เช่นน้อตบางตัว กระจกมองหลัง เป็นต้น เพื่อใช้ในการต่อรองราคา

แล้วหากไม่เห็นรถจะทำอย่างไร

การซื้อรถมือสองโดยไม่ได้จับรถจริง ท่านอาจจะให้ผู้ขายถ่ายรูปเพิ่มเติมตามข้อดังกล่าวข้างต้น หรือถ่ายเป็น video ส่งให้ท่านดู แต่ท่านก็ต้องยอมรับว่าคงไม่เหมือนได้ไปดูรถเอง ท่านอาจจะต้องไหว้วานเพื่อนที่อยู่ใกล้คนขายให้ช่วยไปดูรถแล้วโทรบรรยายให้ท่านฟัง อย่าลืมส่งลิ้งค์หน้าเว็บนี้ไปให้เพื่อนดูด้วยนะครับ ขอให้โชคดี
Credit : http://www.salebike.net